การดื่มน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง ดีหรือไม่
การดื่มน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะช่วยล้างพิษของความเป็นกรดและช่วยเป็นกันชนให้ร่างการเพื่อสร้างสมดุล ของระบบโลหิตของมนุษย์ที่ต้องการฤทธิ์เป็นด่าง
ตามปกติเลือดของมนุษย์มีค่า pH 7.4 (ระหว่าง 7.35-7.45) คือมีความเป็นด่างอ่อนๆ
pH ที่ต่ำกว่า 7 เป็นกรด
pH 7 คือเป็นกลาง
pH ที่สูงกว่า 7 เป็นด่าง
ร่างกายของมนุษย์จะเป็นกรดง่ายมาก เพราะอาหารส่วนใหญ่ที่กิน เช่น แป้ง โปรตีน ไขมัน เมื่อมีการเผาผลาญอาหารที่ Metabolism จะเกิดของเสียที่มีฤทธิ์เป็นกรด Acidic Waste แต่ถ้าได้อาหารที่มีลักษณะเป็นด่างและดื่มน้ำที่มีฤทธิ์เป็นด่าง (น้ำที่มีแคลเซียม แมกนีเซียม) จะทำให้ร่างกายไม่ต้องไปดึงแร่ธาตุ คือ แคลเซียมและแมกนีเซียมออกจากร่างกายมาใช้ (การที่ร่างกายดึงแร่ธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียมมาใช้บ่อยๆ อาจทำให้ร่างการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้) เพื่อสร้างสภาวะสมดุลของร่างกาย (Homeostasis) ขึ้นมาใหม่ ดังนั้นร่างกายก็จะไม่สึกหรอและทรุดโทรม สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
น้ำดื่มที่เป็นด่าง จึงต้องมีฤทธิ์เป็นด่างให้มากกว่าเลือด เพื่อไปทำปฎิกริยากับฤทธิ์กรด และเกิดการถ่วงดุลทำให้ pH ของเลือดกลับมามีค่าที่ 7.4 อย่างเดิม เอ็มไซม์ซึ่งสำคัญยิ่งต่อการทำปฎิกิริยาเคมีทุกชนิด ส่วนใหญ่ต้องทำงานในสภาวะของด่างจึงจะมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้สารละลายที่เป็นด่างอ่อนๆ สามารถดึงออกซิเจนไว้กับตัวได้มากกว่าสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ได้ถึง 100 เท่า สารละลายที่มีค่า pH ต่ำกว่า 7.0 จะมีฤทธิ์เป็นกรดและจะไม่ยึดออกซิเจน สารละลายที่เป็นด่างจะมีออกซิเจนสมบูรณ์
การกล่างอ้างว่าดื่มน้ำที่เป็นด่างจะเป็นการล้างพิษนั้นไม่ถูกต้อง เพราะการที่ร่างกายล้างพิษได้ดีตับต้องแข็งแรงด้วยการมีโภชนาการที่สมดุล เป็นพื้นฐานก่อนเสมอ
ดังนั้น เราควรให้ร่างการมีความเป็นด่างเสมอจะปลอดภัยกว่า คือ หันมากินธัญพืชให้มากเพราะธัญพืชที่อบสุกมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ อยู่แล้ว จึงทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็ว
ส่วนน้ำดื่มที่มีฤทธิ์เป็นด่างก็ถือว่าใช้ได้ แต่ต้องดูรายละเอียดด้วยว่าน้ำนั้นมีเกลือแร่ตามมาตรฐานหรือไม่ ถ้าเป็นน้ำที่ผ่านการกรองแบบ reverse osmosis (Ro) ก็ควรเลี่ยงเพราะการกรองแบบ (Ro) จะไม่มีเกลือแร่และสารสำคัญที่ร่างกายต้องการเลยแม้แต่น้อย และถ้าเขากล่าวอ้างว่าเกลือแร่และสารสำคัญนั้นสามารถได้จากอาหารก็พอแล้ว คำตอบคือผิดครับ เพราะเกลือแร่บางชนิดที่ร่างกายจะนำไปใช้ได้ต้องอยู่ในรูปแบบที่ผสมอยู่ในของเหลวเท่านั้น เช่น ฟลูออไรด์ เพราะประจุไฟฟ้าในตัวมันจะทำงานเป็นประโยชน์ได้ดีที่สุดต้องเกาะอยู่กับโมเลกุลของน้ำที่ดื่มเข้าไปเท่านั้น ซึ่งเมื่อร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้แล้วก็จะต้องมีขั้นต่อไปคือ ต้องทำปฏิกริยาได้ดีกับแคลเซียม โปแตสเซียม แมกนีิเซี่ยม ฯลฯ เพื่อเข้าสู่วงจรการสร้างกระดูก ฟัน เม็ดเลือดแดง เยื่อหุ้มเซลล์ต่างๆ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทั้ง ฟลูออไรด์ แคลเซียม แมกนีเซียม ฯลฯ ร่างกายจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อต้องอยู่ในรูปแบบที่เหมาะสมเสียก่อน มิฉะนั้นจะสูญเปล่าหมด การสร้างกระดูก ฟัน เม็ดเลือด และเซลล์ที่แข็งแรงก็จะเป็นไปได้อย่างดี
ดังนั้นการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว เพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ แต่น้ำที่เราดื่มเข้าไปต้องมีฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ ปราศจากเชื้อโรค มีแร่ธาตุต่างๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย เราจึงจะเรียกได้ว่าน้ำนั้นมีคุณค่าอย่างยิ่ง
